วันพุธ ที่ 7 กรกฎาคม 2553.... 12:58 น.
ขณะที่ฉันเดินทางกลับบ้าน อยู่บนรถโดยสารขาว-ชมพู สายขอนแก่น-เชียงยืน
บนรถโดยสารมีผู้โดยสารจำนวนมากพอสมควร มีทั้งคนที่รู้จักกันและไม่รู้จัก
ขณะที่รถกำลังแล่นไป ก็มีเสียงๆหนึ่งพูดขึ้นว่า"ยายๆเจ้ามาแต่ไส" ยายผู้ถูกถามตอบว่า
"ข้อยมาแต่โรงบาลพาบักน้อยๆนี๊ไปหาหมอ "อีกคนถามต่อ"เจ้าพาหลานเจ้าไปหาหมอติ"
ยายตอบว่า"บ่ๆ บ่แม่น ลูกข้อยบ่แม่นหลาน"อีกคนถามต่อ"จักปีแล้วล๊ะ มันคือผุน้อยแท้"
ยายตอบว่า"มันได้ 11 ปีแล้วล๊ะ"ทันทีที่ยายพูดจบ ภาพที่ฉันได้เห็นคือ เด็กชายคนหนึ่ง
ที่ร่างกายครบ 32 แต่ไม่สมบูรณ์ ขา,แขนของเขาลีบและเล็กมาก ตัวเล็กมากประมาณเด็ก
2-3 ขวบ ภาพที่ฉันได้เห็นมันเป็นจริงหรือ นอกจากร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของเขาแล้ว
เขายังพูดไม่ได้อีก ยายผู้ซึ้งเป็นแม่ของเขาบอกว่า่ ตอนที่เขาตั้งครรภ์ ตรวจเช็คภายในครรภ์
ก็สมบูรณ์ทุกอย่าง แต่พอคลอดได้เพียง2-3 อาทิตย์ลูกของเขาก็มีร่างกายที่ผิดปกติไป
ขา,แขน พับเข้าหากัน เหมือนโครงสร้างร่างกายกำหนดมาแบบนั้น เขาถึงได้เป็นแบบนี้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาสามารถรับรู้ได้ เขาได้ยินว่าเราพูดอะไร แต่เขาตอบโต้ไม่ได้
เขาได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่นตั้งแต่ 5เดือน เริ่มมีอาการดีขึ้นเป็นระยะๆ
เขาไม่สามารถเรียนหนังสือได้ การไปไหนมาไหนต้องมีพ่อและแม่อุ้มไปมาตลอด
และเขาจะอยู่ในสภาพนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่ แววตาที่เขาแสดงออก เหมือนจะร้องไห้อยู่
ตลอดเวลา เมื่อเขารู้สึกอะไรมันก็จะอยู่ในใจเขางั้นหรือ เขามองด้านบนบ้าง ด้านข้างบ้าง
เหมือนเขาต้องการจะสื่อสารอะไรบางอย่างกับเรา อยากจะพูดคุยกับเรา
แต่เขาทำไม่ได้ ผู้คนบนรถโดยสารต่างมองว่าน่าสงสาร และสีหน้าของพวกเขาแสดงออกอย่างเห็น
ได้ชัด และฉันก็เป็นอีกคนที่คิดอย่างนั้น ทำไมบางคนที่มีโอกาสทำอะไร เขามองไม่เห็น
และไม่ขว้าโอกาสนั้น ปล่อยมันไปเหมือนโอกาสในชีวิตมันเกิดขึ้นบ่อยๆซะงั้นล่ะ
แต่กับเด็กชายคนนี้ ทำไมเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ทำ ได้พูดอะไรเหมือนคนทั่วไปเลย
ได้เพียงโอกาสแค่ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เท่านั้นหรือ ถ้าเป็นคุณล่ะ? คงไม่มีใครอยากเป็นเหมือนเด็กชาย
คนนี้หรอกใช่ไหม เราเกิดมาแล้วสามารถทำได้ทุกอย่าง จริงที่ทุกอย่างมันถูกลิขิตมา ถูกสร้างมาแล้ว
แต่คุณก็กำหนดมันได้ ขอฝากหนึ่งประโยคสั้นๆน่ะขร๊ะ "ทุกอย่างคือพรหมลิขิตแต่ชีวิตเป็นของเรา"
ณ รถโดยสารประจำทาง,,ด้วยความสงสัยและสงสาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น